วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ปวดประจำเดือน

กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน Premenstrual Syndrome
ปวดประจำเดือน
เชื่อคุณผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีอาการก่อนมีประจำเดือนทุกเดือนจนเกิดความคุ้นเคยกับมัน เดือนไหนไม่มีอาการเหมือนขาดอะไรสักอย่าง บางคนก็มีอาการไม่มากจนไม่รบกวนคุณภาพชีวิต แต่บางคนก็เป็นมากจนเกิดอาการซึมเศร้า ประมาณว่าผู้ป่วยร้อยละ 8-10จะมีอาการของกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน อาการต่างๆเหล่านี้ได้แก่ คัดเต้านม เวียนศีรษะ ปวดท้องอาการเหล่านี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในกระแสเลือดโดยมาก อาการมักจะไม่รุนแรงจนกระทั่งรบกวนคุณภาพชีวิต แต่คนกลุ่มหนึ่งอาการเหล่านี้รุนแรงจนกระทั่งบางคนเกิดอาการซึมเศร้า แบ่งกลุ่มอาการออกเป็น
อาการทางกาย
อาการทางกายมักเกิดก่อนมีประจำเดือน 2 สัปดาห์ ผู้ป่วยจะมีอาการแน่นท้อง คัดเต้านม บวมน้ำเล็นน้อย บางคนอาจจะเจ็บเต้านมขณะไข่ตกเมื่อมีประจำเดือนอาการเจ็บเต้านมก็หายไป จุกเสียดแน่นท้อง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ร้อนตามตัว นอนไม่หลับ ไวต่อเสียงและกลิ่น
อาการทางอารมณ์
อารมณ์ของผู้ป่วยจะผันผวนมากโกรธง่าย เครียด จะสูญเสียสมาธิ บางคนความจำไม่ดี มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งจะมีอาการซึมเศร้าอย่างมาก โกรธง่าย บางคนอาจจะร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล และปวดศีรษะจากความเครียดก่อนมีประจำเดือนเรียกกลุ่มอาการนี้ว่า  Premenstrual dysphoric disorder (PMDD)ซึ่งเป็นโรค premenstrual syndrome ที่มีอาการรุนแรง โดยต้องมีอาการทางซึมเศร้าอย่างน้อย 5 อาการตามการวินิจฉัย
การวินิจฉัย Premenstrual dysphoric disorder (PMDD)
ผู้ป่วยจะเกิดอาการก่อนมีประจำเดือนและหายไปหลังประจำเดือนมาโดยจะต้องมีอาการดังต่อไปนี้ 5 อาการเป็นอย่างน้อย
  1.  รู้สึกซึมเศร้าหมดหวัง อาจจะมีความคิดทำร้ายตัวเอง
  2.  มีความวิตกกังวลและเครียด
  3.  อารมณ์จะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย และอาจจะร้องไห้
  4.  อารมณ์ไม่มั่นคงโกรธคนอื่นง่าย
  5.  ไม่สนใจชีวิตประจำวันและไม่สนใจคนอื่น
  6.  ไม่มีสมาธิในการทำงาน
  7.  อ่อนเพลียขาดพลังงานในการทำงาน
  8.  Food cravings or bingeing
  9.  นอนไม่หลับ
  10.  ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเอง
  11.  อาการทางกายได้แก แน่นท้อง เจ็บเต้านม ปวดศีรษะ ปวดข้อ
สาเหตุของการเกิด Premenstrual syndrome
  1. Reproductive Hormones and Neurotransmitters เมื่อให้ยาที่ลดการสร้าง estrogen สามารถทำให้อาการดีขึ้นจึงเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างฮอร์โมนเพศกับสารที่หลั่งในสมอง ได้แก่ serotonin และ gamma-aminobutyric acid (GABA). ระดับ serotonin ที่ต่ำจะสัมพันธ์กับอาการซึมเศร้าและ carbohydrate cravingsและการขาดสาร GABA จะทำให้เกิดความวิตกกังวล
  2. เสียสมดุลของ Calcium และ Magnesium โดยพบว่าคนที่ขาด magnesium และมีระดับ calcium สูงจะเกิดอาการได้ง่าย
  3. เกิดจากความเครียดทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความเครียดออกมาได้แก่ cortisol ทำให้กระตุ้นเกิดอาการขึ้นมา
ผลของเสียต่อสุขภาพของ Premenstrual syndrome
  • ขณะที่มี Premenstrual syndrome จะทำให้โรคหลายโรคกำเริบ เช่นโรคปวดศีรษะไมเกรน โรคเบาหวาน โรคหอบหืด โรคลมชัก โรคsle
  • ผลเสียทางอารมณ์ทำให้มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน บางคนอาจจะมีความคิดที่จะทำร้ายตัวเอง 
  • ผู้ป่วยมักจะกังวลเรื่องเจ็บเต้านมทำให้ต้องตรวจ mamography ก่อนวัยอันควร
การวินิจฉัย Premenstrual syndrome
ผู้ป่วยควรทำตารางจดอาการต่างๆที่เกิดในรอบเดือน 2-3 เดือนนำไปปรึกษาแพทย์โดยเริ่มจดตั้งแต่วันที่หนึ่งของรอบเดือนจนกระทั่งประจำเดือนมา หากมีอาการเหมือนกันและเป็นช่วงเดียวกันของรอบเดือนก็ให้การวินิจฉัยว่าเป็น premenstrual syndrome
การป้องกัน
เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุของโรคแน่ชัดดังนั้นจึงยังไม่มีวิธีที่ได้ผลดีและเชื่อถือได้จึงมีคำแนะนำรวมๆเพื่อป้องกัน
  • รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มี carbohydrate สูง
  • รักษาน้ำหนักไม่ให้อ้วน
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงกาแฟ บุหรี่ และสุรา
  • ใช้ยาแก้ปวดเมื่อจำเป็นเช่น  ibuprofen or naproxen
  • รับประทาน calcium ทุกวัน (1,500 mg/day),เท่ากับดื่มนมวันละ 3-4 แก้ว
  • หลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่ทำให้เครียด
  • การรักษาโดยไม่ใช้ยา

    • อาหารให้หลีกเลี่ยงของหวาน กาแฟ บุหรี่ สุรา รับประทานผักสด ผลไม้ ธัญพืช หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม นมสด หลีกเลี่ยงเนื้อแดง  แนะนำให้รับประทานอาหารมื้อละน้อยๆ อย่ารับประทานครั้งละมากๆ รับประทานอาหารให้เป็นเวลาเพื่อป้องกันท้องอืด
    •  การออกกำลังกายควรวันละ 30 นาทีโดยการเดินเร็วๆไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างหนักเพราะจะทำให้ประจำเดือนผิดปกติ
    • ให้รับประทาน calcium วันละ 1200 มิลิกรัมต่อวันซึ่งจะเห็นผลหลังจากรับยาไปแล้ว3 เดือน
    • วิตามินมีบางรายงานว่าอาการ Premenstrual syndrome เกิดจากการขาดวิตามินหลายชนิดได้แก่ vitamins A, E, B-6, และ B1ดังนั้นจึงมีผู้แนะนำให้รับวิตามิน B1 และ B6 
    • นอนพักให้เพียงพอ
    • ลดความเครียด
    การรักษาโดยใช้ยา
    • Selective serotonin-reuptake inhibitors (SSRIs) เป็นยาที่เพิ่มระดับ serotonin ในสมองเป็นกลุ่มยาที่รักษาอาการซึมเศร้าได้แก่ fluoxetine , sertraline , paroxitine มีรายงานว่าสามารถอาการซึมเศร้าและอาการปวดศีรษะ
    • GnRH Analogs เป็นยาที่ลดการสร้าง estrogen ทำให้ไม่มีการตกไข่ทำให้อาการ คัดเต้านม อ่อนเพลีย และโกรธง่ายหายไป แต่ต้องระวังหากใช้มากกว่า 6 เดือนอาจจะทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน
    • Danazolเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์เหมือนฮอร์โมนเพศชายใช้ในการรักษา อาการปวดประจำเดือน (dysmenorrhea), ประจำเดือนมามาก (menorrhagia), fibroids, และโรค endometriosis
    • Danazolเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์เหมือนฮอร์โมนเพศชายใช้ในการรักษา อาการปวดประจำเดือน (dysmenorrhea), ประจำเดือนมามาก (menorrhagia), fibroids, และโรค endometriosis
    • ยาเม็ดคุมกำเนิดซึ่งจะป้องกันไข่ตกสามารถลดอาการของ premenstrual syndrome
    • ยาฉีดคุมกำเนิดก็นำมาใช้รักษาอาการได้
    • ยาแก้ปวด

    น้ำพริกไข่เค็ม

    :: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::

    - ไข่เค็ม 2 ฟอง
    - กะปิสีอ่อนห่อใบตองย่างให้หอม  1 + 1/2 ชช.
    - พริกขี้หนูสวน 8-10 เม็ด
    - น้ำมะนาว 2 ชต.
    - น้ำตาลปี๊บ 1 ชต.
    - น้ำปลา 1 + 1/2 ชต. ---อาจจะต้องใส่มากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นกับความเค็มของไข่เค็มและกะปิ---
    - กระเทียมไทยแกะเปลือกออก 10 กลีบ

    :: วิธีทำ ::

                     อับดับแรก ให้ผ่าไข่แดงออกเป็นสองซีก แล้วก็ใช้ช้อนตักแยกไข่แดงกับไขขาวไว้ ... สำหรับไข่แดงไม่ต้องทำอะไร ไว้อย่างนั้นเลย แต่ไข่ขาวให้บี้เป็นชิ้นเล็กๆ  แล้วใส่ถ้วยพักไว้ค่ะ  (ไข่ขาวใช้แค่ 1 + 1 /2 ฟอง หรือถ้าชอบข้นมากจะใส่ทั้ง 2 ฟองเลยก็ได้)
                      ต่อมาก็หยิบครกมา ใส่กระเทียมที่ปอกเปลือกไว้แล้วลงไป ตามด้วยกะปิหอม ๆ  โขลกจนเข้ากันดี
    ก็ใส่พริกขี้หนูสวนที่เด็ดก้านแล้วลงไป  โขลกให้แหลก เล้วก็ใส่ไข่แดงเค็มลงไป .... โขลกเบา ๆ พอให้ไข่แดงแหลกแต่ยังเหลือเป็นก้อนเล็ก ๆ อยู่บ้าง
    ก็ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะนาว .... เคล้าเบา ๆ ด้วยสากให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน ..... ยกสากออก  แล้วใส่ไข่ขาวเค็มที่เราบี้ไว้เป็นชิ้นเล็กๆ ลงไป คนด้วยช้อนให้เข้ากันดี  ชิมรสชาติ หากขาดรสไหนไปก็เติมตามชอบ  (ออกนัว ๆ เปรี้ยว มัน เค็ม หวานนิด ๆ ไม่มีรสชาติใดโดดเด่น + หอมไข่เค็ม)
    ชั้นตอนสุดท้าย ช่วงการใส่ไข่ขาวเค็มลงไปแล้วปรุงรสก่อนตักใส่ถ้วย
    เสร็จแล้วก็ตักใส่ถ้วย....ก็จะได้น้ำพริกไข่เค็ม
                  จากนั้นก็จัดเสริฟพร้อมกับผักสด เช่น แตงกวา มะเขือ ขมิ้นขาว ถั่วพู  หรือจะเป็นผักทอด จำพวกชะอม - มะเขือยาว - ดอกขจรทอดไข่ก็ได้


    แกงส้มกุ้ง

    * กุ้งขนาดกลาง 8-10 ตัว (ทำความสะอาด, ปอกเปลือก)
    * เนื้อปลา 200 กรัม
    * น้ำพริกแกงส้ม 4 ช้อนโต๊ะ
    * น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ
    * น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
    * น้ำตาล 1 ช้อนชา
    * น้ำมะนาว
    * ชะอม 1 กำ (ทำไข่เจียวชะอม, จะไม่มีก็ได้)
    * ไข่ไก่ 3 ฟอง (ใช้สำหรับทำไข่เจียวชะอม)

     วิธีทำทีละขั้นตอน

    1. นำเนื้อปลาไปลวกให้สุกในน้ำร้อน จากนั้นนำเนื้อปลาออกมาบดให้เละ (ถ้ามีก้าง ก็ให้เอาออกด้วย) จากนั้นนำเนื้อปลาไปตำในครกกับน้ำพริกแกงส้มจนเข้ากันดี จึงนำออกมาเตรียมไว้ใช้ในขั้นตอนต่อไป
    2. ต้มน้ำในหม้อ รอจนกระทั่งเดือด จึงใส่น้ำพริกแกงส้มที่ผสมกับเนื้อปลา (ขั้นตอนที่ 1) รอจนเดือด ปรุงรสด้วยน้ำปลา, น้ำมะขามและน้ำตาล
    3. เติมกุ้งและไข่เจียวชะอม (วิธีทำไข่เจียวชะอม ดูด้านล่าง) รอจนแกงส้มเดือดอีกครั้ง จึงปิดไฟ ถ้าชอบเปรี้ยวอาจเติมน้ำมะนาวเพิ่มอีกได้ เมื่อปรุงรสได้ตามที่ต้องการแล้วจึงตักใส่ถ้วย และเสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ
        วิธีทำไข่เจียวชะอม :
         1. ล้างชะอมให้สะอาดและเด็ดเอาใบอ่อนออกมา หั่นให้มีขนาดยาวประมาณ 1 นิ้ว
         2. นำไข่ไก่ไปตอกและใส่ในชาม คนให้ไข่แดงและไข่ขาวเข้ากัน จากนั้นจึงเติมชะอมที่หั่นไว้แล้ว คนต่ออีกครั้งจนไข่และชะอมผสมกันดี
         3. ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟปานกลาง ใส่ไข่และชะอมลงไปทอด รอจนกระทั่งสุกเหลืองดี จึงปิดไฟและนำออกมาสะเด็ดน้ำมัน หั่นเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ และนำไปใช้ในการปรุงกับแกงส้ม หรือทานกับน้ำพริกอื่นๆก็ได้

    วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555

    ผู้ชายอย่าทำแบบนี้นะเดี๋ยวรักตายเลย

                            "อย่าทำแบบนี้นะ เดี๋ยวรักตายเลย"
    1. อย่าโทรหาเวลาดึก..เพราะเวลาก่อนเข้านอน ฉันต้องคุยกับคนพิเศษเท่านั้น 2. อย่าโทรมาเวลาเดิมๆทุกๆวันครั้งละนานๆ..เพราะฉันจะเข้าข้างตัวเองไปกันใหญ่ว่า ตัวเองน่ะเป็นคนพิเศษ และมีความหมายมากมายเหลือเกินสำหรับคุณ 3. อย่าคุยโทรศัพท์กับฉันจนถึงเช้า..เพราะฉันอาจกลับไปนอนฝันถึงคุณแล้วพอตื่นขึ้นมา ฉันก็จะยังคิดถึงคุณจับใจและอมยิ้มอยู่ได้ตลอดทั้งวัน 4. อย่าเล่าเรื่องดีๆเกี่ยวกับแฟนคนเก่าและอย่าพูดว่าตอนนี้เหงาอยากมีใครสักคนมาดูแล..เพราะฉันอาจจะอยากเป็นคนๆนั้นให้เร็วที่สุด 5. อย่าลองใจโดยการเงียบหายไปไม่โทรหาฉันหลายๆวันเพราะฉันจะตื่นเต้นทุกครั้งเวลาเสียงโทรศัพท์ดังและกระวนกระวายใจอยากโทรหาคุณใจแทบขาด แต่ก็ไม่กล้าเพราะต้องรักษาฟอร์ม 6. อย่าบอกว่าช่วงนี้สับสนและอยากอยู่คนเดียว.เพราะฉันจะรอ รอ รอ และสัญญากับตัวเองในใจว่าจะทำตัวน่ารักกับคุณให้มากขึ้น จะเป็นฝ่ายโทรหาให้บ่อยขึ้น แล้วก็จะเลิกฟอร์มใส่คุณซะที 7. อย่าโทรหาและส่งเมสเสจมาทุกวันแล้วดันบอกว่าไม่ได้คิดอะไร..เพราะมันจะทำให้ฉันคิดมาก แล้วก็อยากเป็นเจ้าของคุณขึ้นมาจริงๆ 8. อย่าบอกว่าจะไปส่งที่บ้านแล้วพอถึงบ้านอย่าส่งเมสเสจว่า "ดูแลตัวเองดีๆนะ"..เพราะฉันจะอยากให้คุณมาดูแลอย่างนี้ทุกๆวัน 9. อย่าเปิดเพลงความหมายดีๆให้ฟังทางโทรศัพท์แล้วบอกให้ฉันตั้งใจฟัง..เพราะฉันจะกลับมานั่งตีความเนื้อเพลงทีละคำ และเปิดฟังมันซ้ำๆอยุ่ไม่ยอมเบื่อ 10. อย่าทำเป็นทะนุถนอมและเอาใจเหมือนฉันเป็นเจ้าหญิง...เพราะสุดท้ายฉันก็ต้องการเป็นเจ้าหญิงตัวจริงของคุณ ไม่ใช่มีความสำคัญเพียงเพื่อนของเจ้าชายเท่านั้น 11. อย่าทิ้งการดูบอลและบอกปัดนัดเที่ยวกับเพื่อนฝูงเพียงเพื่อมาคุยโทรศัพท์กับฉัน.. เพราะมันจะทำให้ฉันสำคัญตัวผิด 12. อย่ามาหยอดคำหวานตลอดการคุยกัน..เพราะฉันจะชอบใจและตั้งตารอฟังคำหวานๆทุกครั้งที่คุณโทรมา 13. อย่าบอกว่าเรามีอะไรคล้ายๆกันและอย่าบอกว่าสบายใจทุกครั้งที่ได้คุยกับฉันเพราะฉันจะรู้สึกและคิดในแบบเดียวกันด้วยความเต็มใจและแอบคิดไปไกลถึงว่าเรานั้นเหมาะสมกันจริงๆ 14. อย่าใช้มือถือแอบถ่ายรูปฉันตอนเผลอ แล้วบอกว่าน่ารักดี..เพราะฉันจะเผลอหลงตัวเอง และคิดไปว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนแล้วที่จะน่ารักสู้ฉันได้ในสายตาคุณ 15. อย่ามาพูดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่แสนดี ใครได้ฉันเป็นแฟนต้องเป็นผู้ชายน่าอิจฉา..เพราะฉันจะปลื้มสุดๆแล้วก็แอบลุ้นให้คุณเป็นผู้ชายที่โชคดีคนนั้น

    วิธีการทำ ปลาร้าทรงเครื่อง

    วิธีการทำ ปลาร้าทรงเครื่อง
    เครื่องปรุง
    1. ปลาร้า 1 ถ้วย
    2. ปลาดุก 1 ตัว
    3. หัวกะทิ 2 ถ้วย
    4. ข่าโขลก 1 ช้อนชา
    5. ตะไคร้ทุบพอแตก 1 ต้น
    6. ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
    7. พริกหยวก 3 เม็ด
    8. หน่อไม้ต้ม 3 หน่อ
    9. มะเขือเปราะอ่อน ๆ ผ่าสี่ 5 ลูก
    10. ถั่วฝักยาว 10 ฝัก
    11. กระชาย 1 แง่ง
    12. น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
    วิธีทำ
    ล้างปลาดุก ขูดเมือก หั่นตามขวางเป็นชิ้นหนา 1 / 2 นิ้ว
    ใส่ปลาร้าลงในหม้อ ตั้งไฟ ใส่หัวกะทิ ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด พอเดือด ปลาร้าละลายดี กรองด้วยกระชอนใช้แต่น้ำ เอากากทิ้ง
    หั่นพริกหยวกแฉลบ หั่นหน่อไม้เป็นชิ้นพอคำ ถั่วฝักยาวตัดเป็นท่อน ๆ มะเขือเปราะ กระชายหั่นเป็นเส้น
    ใสผักทุกอย่างลงในหม้อปลาร้า ต้มจนสุก ใส่น้ำมะขามเปียก ชิมรสเปรี้ยว เค็ม ตั้งไฟให้เดือด ใส่ปลาดุกที่หั่นไว้
    พอปลาสุก ยกลง รับประทานกับผักสดและปลาทอดตามชอบ

    อาหารสำหรับคนเป็นไมเกรน

      ผู้ป่วยที่เป็นไมเกรนควรได้รับการรักษาจากแพทย์ ในปัจจุบันมียาที่สามารถช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ของไมเกรนได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามผู้ที่เป็นไมเกรนเองควรดูแลรักษาตัวเองด้วยการสังเกตว่าสิ่งใดหรือเหตุการณ์ใดที่ทำให้เกิดอาการของไมเกรนบ้าง และควรหลีกเลี่ยง นอกจากนี้การกินอาหารที่ดี การออกกำลังกาย และการทำจิตใจให้สงบยังมีส่วนช่วยลดอาการไมเกรนได้อีกมากลองทำทานดูนะค่ะ

         ตัวอย่างเมนูอาหาร 5 วันสำหรับผู้ป่วยไมเกรน

    วันจันทร์
    เช้า : ข้าวต้มปลา  น้ำเต้าหู้
    กลางวัน : ข้าวผัดไก่ บังลอยน้ำขิง
    เย็น : ข้าวกล้อง น้ำพริกไข่เค็ม ผักสด/ผักสุก แกงจืดฟักเขียว สาลี่

    วันอังคาร
    เช้า : แซนด์วิชทูน่า น้ำฝรั่งสด
    กลางวัน : ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น สับปะรด
    เย็น : ข้าวกล้อง ปลานึ่งขิง ยำตะไคร้ใส่หมูสับ

    วันพุธ
    เช้า : ขนมปังปิ้ง ไข่ลวก มะเขือเทศ
    กลางวัน : ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า มะละกอ
    เย็น : ข้าวต้ม ปลาทูต้มเค็ม ผัดผักบุ้ง มะม่วงดิบ

    วันพฤหัสบดี
    เช้า : ข้าวกล้อง ไข่พะโล้-เต้าหู้ กล้วยน้ำว้า
    กลางวัน : บะหมี่ปลาแดง
    เย็น : ข้าวกล้อง ลาบเห็ด ไก่ย่าง สตรอเบอร์รี

    วันศุกร์
    เช้า : หมี่ผัด แอปเปิล
    กลางวัน : ข้าวกล้อง กะเพราทูน่า
    เย็น : ข้าวกล้อง แกงส้มกุ้ง แครอตผัดน้ำพริกเผา ฝรั่ง

    วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

    รักษาไมเกรน

    เมื่อไรโรคไมเกรนจึงหาย?
           เป็นที่ยอมรับกันว่า โรคไมเกรนก่อให้เกิดภาวะปวดศีรษะเรื้อรังนานเป็นปีๆ บางรายอาจนานเป็นสิบๆปี จึงมักทำให้ผู้ป่วยเกิดความกังวลว่า ทำไมตัวเองจึงไม่ยอมหายจากภาวะปวดศีรษะนั้น และวิตกว่าจะมีความผิดปรกติในสมองต่างๆ เช่น เนื้องอกหรือเลือดคั่งในสมอง หรือเกรงว่าจะเกิดอัมพาตหรือพิการตามมาภายหลัง
           ในกรณีนี้จะทำให้อาการปวดศีรษะเลวลง เพราะจะเกิดอาการปวดศีรษะจากภาวะเครียดเพิ่มขึ้นมาทับถมอีก การปวดศีรษะจากภาวะเครียดนั้นพูดโดยย่อ จะปวดแบบตื้อๆ หนักศีรษะทั่วทั้งศีรษะบางรายจะบอกว่า ปวดเหมือนมีอะไรมาบีบรัดโดยรอบหัว อาการนี้จะเป็นมากตอนบ่ายๆ หรือสายๆ ช่วงเช้าไม่ค่อยปวด หลังนอนพักอาการจะดีขึ้น ทั้งนี้เพราะเกิดจากการบีบเกร็งตัวของกล้ามเนื้อรอบศีรษะและบริเวณคอ
           โดยทั่วไปผู้ป่วยโรคไมเกรนจะไม่มีอันตรายใดๆ ที่จะก่อให้เกิดการพิการหรือทุพพลภาพตามมาแต่อย่างใด โดยปรกติอาการปวดศีรษะชนิดไมเกรนนี้จะลดความรุนแรงลงเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเลยวัยหมดระดูไปแล้ว จะพบผู้ป่วยไมเกรนน้อยมาก

    บำบัดไมเกรนด้วยตัวเอง
    ประคบร้อนและเย็นบรรเทาอาการ

    1. วิธีที่ 1 ประคบเย็นที่หน้าผากหรือคอ ถ้าอาการไม่บรรเทา ให้ประคบร้อนและเย็นพร้อมกัน โดยประคบเย็นที่หน้าผากและประคบร้อนที่ท้ายทอย ประคบสลับที่กันทุก 2 นาที ทำได้ถึง 6 รอบ
    2. วิธีที่ 2 ใช้ผ้าอุ่นจัดวางที่ท้ายทอย แล้วนวดคอ ไหล่ และสะบัก แล้วใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นคลึงเบาๆที่ขมับ จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดหน้า วิธีนี้ช่วยลดอาการปวดไมเกรนเนื่องจากความเครียด
    นอกจากการประคบแล้วยังมีการนวดกดจุดที่ช่วยบรรเทาอาการได้เช่นกัน
    • คลายปวดกับนวดกดจุด
      การกดจุดเพื่อบรรเทาอาการไมเกรนมีอยู่ 3 จุดด้วยกัน คือ

      • มือ ให้กดตรงเนินเนื้อที่เชื่อมระหว่างหัวแม่มือและนิ้วชี้ในแนวตรงสู่กระดูกนิ้วหัวแม่มือ
      • คอด้านบน ให้กดย้อนขึ้นไปทางใต้กะโหลกศีรษะข้างๆ กระดูกคอ
      • เท้า กดที่เนินเนื้อที่เชื่อมต่อหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้ กดไปทางฝ่าเท้า
            ท้ายสุดขอแถมด้วยชาสมุนไพรคลายอาการปวดให้ครบเครื่องเรื่องการเยียวยาไมเกรนกันไปเลยค่ะ
             
          • ชาสมุนไพรแก้ปวด
            • ใช้รากบวบกลม หรือบวบเหลี่ยมสด หนัก 1 ขีด ต้มน้ำใส่เกลือเล็กน้อย ดื่มเป็นน้ำชา
            • น้ำขิงจากเหง้าขิงแก่ และน้ำต้มจากต้นกะเพราแดงอาจช่วยลดอาการคลื่นไส้ที่มักเกิดร่วมกับอาการปวดศีรษะได้
            • ใช้ผล ต้น ใบ ดอก และรากของมะตูมนิ่มมาต้มรับประทานช่วยแก้ปวดศีรษะ ตาลาย



              • วิธีการรักษา - ใช้ก้อนน้ำแข็ง หรือกระเป๋าน้ำแข็งปะคบที่ศีรษะ เพื่อช่วยให้เส้นเลือดหดตัวลงและบรรเทาอาการปวด

                - นอนพักในห้องที่เงียบและมืด

                - การนวดด้วยกลิ่นหอม ก็จะช่วยผ่อนคลายได้ ส่งผลให้อาการ ไมเกรน บรรเทาลง

                - จดบันทึกอาการที่เกิดขึ้น เช่น วันเวลา ระยะเวลาที่ปวด อาการอื่นที่เกิดร่วมด้วย ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิด เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงสาเหตุนั้นๆ เช่น แสง เสียงที่รบกวน รอบเดือน (ในผู้หญิง) แสง อาหารที่รับประทาน และ อื่นๆ

                - คอยสังเกตอาการก่อนเริ่มมีอาการปวด เช่น อาการหิว ง่วงนอน อ่อนเพลีย แสง เสียงที่รบกวน

                - งดอาหารบางชนิดที่อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดอาการ เช่น ผงชูรส

                  พิซซ่า ชีส เหล้า กาแฟ เนย ช๊อกโกแลต เป็นต้น

                  - พยายามพักผ่อนให้พอเพียง หลีกการอดนอน

                  - การรับประทานอาการพวกปลาซึ่งจะมีสารอาหาร Omega-3
                  ก็จะทำให้ลดการเกิดอาการ ไมเกรน ได้

                  - การออกกำลังกายก็จะช่วยลดโอกาสเกิดอาการ ไมเกรน ได้เช่นกัน

                  - คนที่มีอาการบ่อยๆ แนะนำให้ให้พกยาติดตัวไว้อย่างน้อย 1 ชุดเสมอ

                อาการและประเภทของไมเกรน

                  1. ไมเกรนแบบคลาสสิก (classic migraine)

                                พบได้น้อยประมาณร้อยละ 10 - 20 ของผู้ป่วยไมเกรนทั้งหมด
                โดยก่อนจะมีอาการประมาณ 1 - 2 วัน ร่างกายจะสะสมของเหลวไว้
                ทำให้มีอาการหน้าบวม ตาบวม หรือ เท้าบวมขึ้นกว่าเดิม  พอสังเกตเห็นได้
                เป็นอย่างนี้ประจำก่อนที่ในวันต่อมาจะปวดไมเกรน
                                   แล้วพอเริ่มมีความผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็นก่อนอยู๋ประมาณ 15 นาที เช่น
                เห็นแสงระยิบระยับ แสงกระจายแบบดอกไม้ไฟ เห็นจุดสว่างจ้า เห็นเส้นซิกแซ็กทั้งสองตา เห็นภาพมัวชั่วครู่ ในบางราย อาจมีอาการอ่อนเพลีย หรือเป็นเหน็บชาตามแขนขา อาการทางระบบประสาท คือ สับสน เวียนศรีษะ หรือพูดไม่ค่อยออก อาการเหล่านี้อาจย้ายจากบริเวณหนึ่งไปยังอีกบริเวณหนึ่ง
                                   เมื่ออาการทางสายตาเริ่มลดลงแล้วจะเริ่มมีอาการปวดศรีษะแปล็บ ๆ ด้านตรงข้ามกับตาที่มีอาการผิดปกติหรือข้างที่เป็นเหน็บชาอาการปวดแปล็บๆ รุนแรงปานกลางหรือ
                ปวดศรีษะรุนแรงมาก ซึ่งอาจเป็นอยู่นายหลายนาที ส่วนมากนานประมาณ 30 นาที
                บางคนอาจนานถึงครั้งละ 2 - 3 ชั่วโมง จึงหายปวดศรีษะ และอาการปวดจะย้ายข้างปวดจากข้างซ้ายไปข้างขวา หรือ จากข้างขวาไปข้างซ้ายได้ อาจแผ่ทั่วศรีษะก็ได้ หากมีการเคลื่อนไหวศรีษะมากก็จะมีอาการปวดมากขึ้น
                                   ผู้ป่วยมักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมด้วยเสมอ ทำให้ดูซีดเซียว อ่อนเพลีย เหงื่อออกง่าย ในคนที่มีอาการปวดท้องร่วมด้วยจะเรียกว่า "ไมเกรนลงกระเพาะ" ซึ่งหากได้อาเจียนแล้วอาการปวดศีรษะมักหายไปอย่างรวดเร็ว การดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ ช่วยให้ไมเกรนลงกระเพาะอาการดีขึ้นด้วย
                                   ผู้ป่วยมักกลัวแวงสว่างด้วย เป็นเพราะดวงตาพร่าเห็นแสงระยิบระยับนั่นเอง จึงทำให้ซอบอยู่ในที่แสงสลัว

                สาเหตุของไมเกรน

                                   ไมเกรนเกิดจากสาเหตุภายในและภายนอกกะโหลกศรีษะ โดยเกิดจากหลอดเลือดภายในและภายนอกศรีษะหดตัวหรือขยายตัวมากผิดปกติ เมื่อถูกกระตุ้นด้วยอาการเฉียบพลัน เช่น พบคนไม่พึงปรารถนา ทำงานหนักจนไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ มีความวิตกกังวลเรื่องต่าง ๆ มีความอ่อนเพลีย ได้ยินเสียงดัง เจอกับแสงสว่างจ้า และ อาจแพ้เครี่องดื่มบางชนิด เช่น เหล้า ชา กาแฟ หัวหอม ผงชูรส
                                   ระบบประสาทของผู้ที่เป็นไมเกรนจะไวต่อการเปลี่ยนแปลงในร่างกายและสิ่งแวดล้อมมากกว่าคนปกติ เมื่อระบบประสาทมีการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น จะทำให้เกิดอาการอักเสบของเส้นเลือดและเส้นประสาท ทำให้ปวดศรีษะไมเกรน
                                  ไมเกรนแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ  คือ ชนิดที่มีอาการรุนแรง และมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยเรียกว่าแบบคลาสสิก และชนิดที่ปวดศรีษะอย่างเดียวเรียกว่าไมเกรนแบบธรรมดา คนส่วนใหญ่ที่เป็นไมเกรนจะเป็นแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น หาได้ยากที่จะเป็นไมเกรนทั้ง 2 แบบ ในคนเดียวกัน
                                  เมื่อเร็วๆ นี้ REUTERS รายงานว่าคนอ้วนลงพุงจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไมเกรน เพิ่มมากขึ้น โดยนักวิจัยได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างคนอ้วนกับคนไม่อ้วน เกี่ยวกับประสบการณ์การเป็นโรคไมเกรน พบว่าคนอ้วน (วัดจากดัชนีมวลรวมร่างกายและขนาดรอบเอว) ทั้งผู้ชายและผู้หญิงนั้น จะมีอัตราการเกิดโรคไมเกรนมากกว่าคนไม่อ้วน
                นักวิจัยกล่าวว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมากเนื่องจากสิ่งนี้อาจจะนำไปสู่การแก้ปัญหาความทุกข์ทรมานให้กับคนอ้วนซึ่งป่วยเป็นโรคไมเกรนได้ ไม่เพียงแต่โรคไมเกรนเท่านั้นที่มีสาเหตุมาจากความอ้วน ยังมีโรคต่างๆ อีกหลายอย่างที่เกิดจากความอ้วน เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองแตก-ตีบตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคมะเร็ง เป็นต้น ดังนั้นการดูแลสุขภาพและการควบคุมน้ำหนักจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนควรใส่ใจเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ      

                วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

                ไมเกรน

                ไมเกรน

                ไมเกรนเป็นโรคปวดศรีษะแบบเป็นๆ หาย ๆ
                ส่วนใหญ่ 2 ใน 3 เป็นอาการปวดศรีษะด้านเดียว
                อีก 1 ใน 3 ส่วนจะปวดศรีษะทั้งสองข้าง

                คำว่าไม่เกรน มากจากคำที่มีความหมายว่า ครึ่งศรีษะ(hemicramia)
                ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของไมเกรนที่มีอาการปวดครึ่งเดียวเป็นส่วนใหญ่
                น้อยรายที่จะปวดไมเกรนแบบทั้งศรีษะ
                ประมาณ หนึ่งในห้าของผู้ที่เป็นไมเกรนจะมีอาการ นำปวดก่อน เช่น
                เห็นแสงวูบวาบคล้ายแสงไฟแฟลช ตามองไม่เห็นชั่วครู่ ชาข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย
                อาการมักเป็นอยู่ประมาณ 5 ถึง 30 นาที
                ไมเกรนไม่ใช่ปวดศรีษะธรรมดาและไม่ใช่โรคจิตประสาท
                พบบ่อยมากถึงร้อยละ 15 ของประชากรไทย
                มักเป็นกับผู้หญิงในช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ คืออายุประมาณ 15-40  ปี
                น้อยคนที่จะเป็นไมเกรนตอนอายุมาก และยังพบได้ในเด็กเล็กและเด็กโตด้วย